สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ น้องชายธนาธร ได้เดินทางเข้าพบกองปราบ กรณี ทุจริตที่ดิน และ ติดสินบน 20 ล้านบาท นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด น้องชาย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. พ.ต.ท.หญิง บุญทิวา ลิ้มศิริลักษณ์ รอง ผกก.สอบสวน กก.1 บก.ป. ตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.144
ฐาน “ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน หรือ คดีสินบน 20 ล้าน
เช่าที่ดินองค์การโทรศัพท์ ย่านชิดลม แบบระยะยาว ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จากแนวทางการสอบสวนประกอบกับคำพิพากษาของศาลพบว่าการกระทำของ นายสกุลธร สำเร็จไปแล้วเพราะมีการจ่ายเงินสินบนไปแล้วจำนวน 20 ล้านบาท จึงมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 144 ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนกองปราบฯ กำลังพิจารณาข้อกฎหมายด้วยว่า การกระทำของ นายสกุลธร นั้น กรรมการบริหารบริษัทคนอื่นๆรู้เห็นด้วยหรือไม่ เพราะการกระทำของ นายสกุลธร ทำในนามบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด หากพบว่าเป็นความผิดกรรมการบริหารฯ ก็อาจจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย ซึ่งรวมถึง นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของ นายสกุลธร และ นายธนาธร.
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐเป็นคู่พิพาทกับประชาชนศาลซึ่งมีความเป็นอิสระจากการครอบงำของรัฐหรืออำนาจใด ๆ ยิ่งจักต้องจัดสมดุลระหว่างรัฐกับประชาชน เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์และทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องชอบธรรมของการกระทำของฝ่ายบริหาร หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมชั้นตำรวจและชั้นอัยการ เหล่านี้ จะเป็นบรรทัดฐานในการพิทักษ์หลักนิติธรรมของประเทศและทำให้หลักการสิทธิมนุษยชน ที่ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญมีผลจริงในทางปฏิบัติ ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนขอเรียกร้องให้ศาลยุติการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมืองและคืนความยุติธรรมให้แก่ประชาชน
ประยุทธ์ อวยพรตรุษจีน พร้อมกระชับสัมพันธ์ ไทย-จีน
ประยุทธ์ ได้ออกมา อวยพรตรุษจีน เนื่องช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ พร้อมขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาอวยพรประชาชน เนื่องในโอกาสช่วงเทศกาลตรุษจีนวันที่ 12 ก.พ. ที่จะถึงนี้
โดยนายกกล่าวว่า “หนีห่าว พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนที่รักทุกท่าน เทศกาลตรุษจีนถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันที่ 12 ก.พ. 2564 เป็นวันหยุดพิเศษ เทศกาลตรุษจีนยังถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ระลึกถึงสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับจีน
แม้สถานการณ์การโรคโควิด-19 ทำให้คนไทยและคนจีนไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวก เหมือนในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าด้วยมิตรภาพและความผูกพันระหว่างประชาชน รวมถึงความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างรัฐบาลสองประเทศ เราจะก้าวข้ามสถานการณ์นี้และความท้าทายต่างๆ ได้ด้วยดี และพร้อมขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีและประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคโดยรวมต่อไป
“เนื่องในศุภวาระตรุษจีนปีฉลูนี้ ตนในนามรัฐบาล ขออวยพรให้ชาวไทยเชื้อสายจีนทุกท่าน ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ”
ป.ป.ช. แจง ปารีณา ไกรคุปต์ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณียึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ วันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2564) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กับนางสาว ปารีณา ไกรคุปต์
โดยปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 โดยระบุว่ามีรายการที่ดินตามแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท. 5) จำนวน 29 แปลง พื้นที่ประมาณ 853 – 0 – 73 ไร่ ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
โดยอาศัยพยานหลักฐานจากข้อเท็จจริงที่หน่วยงานราชการ และบุคลที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่า ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าและเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 โดยปี พ.ศ. 2536 และปี พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก. เพื่อให้ไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดิน ต่อมาปี พ.ศ. 2554 มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พื้นที่ตำบลรางบัว อ าเภอจอมบึง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน และ ส.ป.ก ได้ด าเนินการโดยปิดประกาศให้เกษตรกรผู้ถือครองที่ดินและทำประโยชน์ในที่ดินยื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวทุกปี ซึ่งที่ดินดังกล่าว ส.ป.ก. และกรมป่าไม้เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการกำกับดูแลพื้นที่และมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้
แนะนำ : รีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้า | รีวิวอาหารญี่ปุ่น| รีวิวที่เที่ยว | ดาราเอวี